<!doctype html>
ตัวชี้วัดตัวตน: Identity Reliability Index (IRI)
Identity Reliability Index คือคะแนนความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ใช้สมัคร โดยพิจารณาจากสัญญาณหลายชั้น เช่น เบอร์/อีเมลที่เข้าถึงได้จริง, ความสอดคล้องของโปรไฟล์กับเอกสารทางการ, พฤติกรรมการกรอกซ้ำต่ำ และเวลาสำเร็จ OTP ภายในกรอบอ้างอิง (เช่น ≤ 45 วินาที). IRI ไม่ได้มีไว้ “ตัดสิทธิ์” แต่ใช้เลือกเส้นทางถัดไปที่เหมาะสม เช่น ขอเอกสารเพิ่มเฉพาะจุดหรือข้ามบางด่านภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัย เพื่อให้สมดุลระหว่างความไวและการป้องกันความเสี่ยง แนวทางที่ควรสื่อคือให้ผู้ใช้เก็บหลักฐานตั้งแต่ต้น (timestamp/สกรีนช็อต/เลขอ้างอิง) เพื่อย่นเวลาช่วยเหลือและทำให้เส้นทางสมัคร‑ใช้งานโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้.
เกณฑ์คุณภาพ: KYC Quality Vector (KQV)
KYC Quality Vector คือเวกเตอร์คุณภาพของเอกสารที่สะท้อนทั้ง “ความชัด” และ “ความตรง” ของข้อมูล มากกว่าจำนวนครั้งที่ส่ง องค์ประกอบได้แก่ แสงเพียงพอ/ความคม/ฉากหลังเรียบ, ชื่อ‑นามสกุลตรงกับบัญชีการเงิน, และประวัติการแก้ไขที่ไม่ผิดปกติ แนวปฏิบัติคือถ่ายภาพในแสงธรรมชาติ ลดเงาสะท้อน ตรวจความคมก่อนอัปโหลด และใช้ข้อมูลล่าสุดตามเอกสารทางการ การสื่อสาร KQV ช่วยลด rejection loop ทำให้ผู้ใช้เข้าใจเหตุผลด้านความปลอดภัยของด่าน KYC และเพิ่มโอกาสผ่านภายในรอบเดียวบ่อยขึ้น.
ทดสอบเส้นทาง: Dual‑Channel Verification (DCV)
Dual‑Channel Verification คือการพิสูจน์เส้นทางธุรกรรมทั้งฝากและถอนด้วยยอดเล็กทันทีหลังผ่าน KYC เพื่อยืนยันเสถียรภาพจริง ขั้นตอนคือกำหนดยอดเล็กตรวจสอบง่าย, บันทึกเวลาเริ่ม‑จบ, เก็บสลิป/เลขอ้างอิง และจดช่วงประมวลผลแต่ละรางเพื่อเทียบกับค่ามาตรฐาน หากผลต่างเกินกรอบ ให้ใช้ทางกู้คืน (เช่น ขอ OTP ใหม่หรือสลับเครือข่าย) ก่อนส่งแจ้งปัญหาพร้อมหลักฐาน การมี DCV ชัดเจนทำให้ผู้อ่านเชื่อมทฤษฎีกับประสบการณ์จริง ลดความลังเล และทำให้การคลิก CTA เป็นการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ ไม่ใช่การลองผิดลองถูก.